หน้าเว็บ

04 กุมภาพันธ์ 2552

สุภาษิตสอนสตรี2

แม้จะเรียนวิชาทางค้าขาย อย่าปากร้ายพูดจาอัชฌาสัย
จึงซื้อง่ายขายดีมีกำไร ด้วยเขาไม่เคืองจิตระอิดระอา
เป็นมนุษย์สุดนิยมเพียงลมปาก จะได้ยากโหยหิวเพราะชิวหา
แม้นพูดดีมีคนเขาเมตตา จะพูดจาจงพิเคราะห์ให้เหมาะความ
ถึงชายใดเขาพอใจมาพูดเกี้ยว อย่าโกรธเกรี้ยวโกรธาว่าหยาบหยาม
ฯลฯ
เมื่อไม่ชอบก็อย่าตอบเนื้อความตาม มันจะลามเล่นเลยเหมือนเคยเป็น
ถึงจะไปในพิภพให้จบทั่ว แต่ความชั่วอย่าให้ผู้ใดเห็น
จงอุส่าห์ปกปิดให้มิดเม้น จึงจะเป็นคนดีมีปัญญา
เมื่อจะจรนอนเดินดำเนินนั่ง จงระวังรั้งจิตขนิษฐา
อย่าเหม่อเมินเดินให้ดีมีอาฌา แม้นพลั้งพลาดบาทาจะอายคน
เห็นผู้ใหญ่ฤาใครเขานั่งแน่น อย่าไกวแขนปัดเช่นไม่เห็นหน
ค่อยวอนว่าข้าขอจรดล นั่นแลคนจึงปรานีนาง
แม้นสมรจะไปนอนที่เรือนไหน อย่าหลับไหลลืมกายจนสายสาง
ใครเห็นเข้าเขาจะเล่านินทานาง ความกระจ่างออกกระจายเพราะกายตัว
ถ้าจะนั่งก็นั่งระวังผ้า ไม่อาณาเขาจะพากันยิ้มหัว
ยามสำรวลก็อย่าสรวลให้เมามัว แม้นจะหัวหัวร่อพอสบาย
เมื่อยามยิ้มยิ้มไว้แค่ในพักตร์ อย่ายิ้มนักเสียสง่าพาสลาย
อย่าท้าวแขนท้าวคางให้ห่างกาย อย่ากรีดกรายกรอมเพลาะเที่ยวเราะเริง
จะแต่งตัวก็อย่ามัวแต่การแต่ง อย่าทาแป้งจับกระเหม่าเข้าจนเหลิง
ใช่บ้านนอกคอกนามาแต่เยิง ทำเซอะเชิงเขาจะโห่วิ่งโร่ไป
เมื่อยามตรุษยามสงกรานต์มีงานหลวง แต่ให้งามตามกระทรวงหาว่าไม่
ครั้นสิ้นเขตเทศกาลทำงานไป อย่าร่ำไรผัดหน้าทั้งตาปี
เมื่อไปเป็นชาววังจึงนั่งแต่ง แต่พอแจ้งเข้าเข้าก็จับกระจกหวี
ด้วยสำราญการอะไรนั้นไม่มี จะหาคู่ดูแต่ที่เจ้าพระยา
อยู่สถานบ้านช่องนั้นต้องคิด ให้รู้กิจการหญิงทุกสิ่งสา
เพื่อมีผัวพลเรือนเหมือนกันนา จะได้หาเลี้ยงกันจนวันตาย
รู้วิชาก็ให้รู้เป็นครูเขา จึงจะเบาแรงตนเร่งขวนขวาย
มีข้าไทใช้ส่อยค่อยสบาย ตัวเป็นนายโง่เง่าบ่าวไม่เกรง
การวิชาหาประดับสำหรับร่าง อย่าเอาอย่างหญิงโกงที่โฉงเฉง
การมิดีที่ชั่วจงกลัวเกรง อย่าครืนเครงขับร้องคะนองใจ
คิดแต่ยากแต่จนเร่งขวนขวาย อย่าให้กายตกยากลำบากได้
พออิ่มเช้าอิ่มเย็นไม่เป็นไร อย่าพอใจเชื่อช้ำเขาก้ำเกิน
ค่อยเสงี่ยมเจียมตนจนเสียก่อน อย่าผันผ่อนทีหลังเขาสรรเสริญ
อย่าเป้อเย้อพกใหญ่ออกให้เกิน ละเมิดเมินหมิ่นนักมักจะอาย
อย่าอวดดีมีทรัพย์เที่ยวจับแจก ทำเกี่ยวแฝกมุงป่าพาฉิบหาย
ใครจะช่วยตัวเราก็เปล่าดาย อย่ามักง่ายเงินทองของสำคัญ
เห็นผู้ดีมีทรัพย์ประดับแต่ง อย่าทำแข่งวาสนากระยาหงัน
ของตัวน้อยก็จะถอยไปทุกวัน เหมือนตัดบั่นต้นทุนสูญกำไร
จงนุ่งเจียมห่มเจียมเสงี่ยมหงิม อย่ากระหยิ่มยศฐาอัชฌาสัย
อย่านุ่งลายกรายกรุยทำฉุยไป ตัวมิใช่ชาววังไม่บังควร
อย่าคบพวกหญิงพาลสันดานชั่ว ที่แต่งตัวไว้จริตผิดกระสวน
สุริย์ฉายบ่ายคล้อยเที่ยวลอยนวล เป็นเชิงชวนพวกเจ้าชู้เขารู้กล
พอรุ่งเช้าเฝ้าแต่มองส่องเกศี ให้เวียนหวีได้วันละพันหน
ตรงการงานแล้วขี้คร้านเป็นกังวล แต่งแต่ตนมิได้เว้นสักเวลา
ครั้นได้ยินเสียงกลองมาก้องหู ยังไม่รู้เนื้อความเที่ยวถามหา
วันนี้ละครใครที่ไหนมา แม้รู้ว่าเจ้ากรับเต้นหรับไป
นั่งพินิจพิศโฉมประโลมหลง ดูจนปลงกรรมฐานเหงื่อกาฬไหล
บ้างก็เห็นว่างามเลยตามไป ช่างกระไรหนอขนิษฐ์ไม่คิดอาย
บ้างก็รักข้างนักเลงเล่นเครงครื้น เที่ยวกลางคืนคบเพื่อนเดือนหงายหงาย
ห่มเพลาะดำทำปลอมออกกรอมกราย พวกผู้ชายชักพาเที่ยวร่าเริง
ครั้นไปไปใจแตกลงแหกคอก ปะเตะปลอกต้ำผางวางจนเหลิง
ควาญหมอรอไม่ติดเห็นผิดเชิง จะเปิดเปิงเข้าป่าไปท่าเดียว
ใครจะห้ามปรามไว้ก็ไม่ฟัง ทำส่งเสียงเถียงดังให้กราดเกรี้ยว
ถือว่าตนเปรื่องฉลาดปราชญ์ประเปรียว ประจบเที่ยวรู้จักทุกพักตรา
พูดก็มากปากก็บอนแสนงอนนัก เห็นเขารักกันไม่ได้ใจอิจฉา
เที่ยวรอนรานจนเพื่อนบ้านเขาระอา นั่งที่ไหนให้นินทาเขาเป็นแดน
ที่ส่วนตัวถึงจะชั่วออกล้นพ้น สู้ปิดปกยกตนนี่สุดแสน
ไม่ทำมาหากินจนสิ้นแกน ก็เลยแล่นเข้าบ่อนนอนสบาย
หญิงเช่นนี้เห็นไม่มีเจริญแล้ว ให้แว่วแว่วอยู่ข้างทางฉิบหาย
ลงสูบฝิ่นกินเหล้าอยู่เมามาย ไม่เสียดายอินทรีย์เท่าขี้เล็บ
มือก็ไวใจกล้าหน้าก็ด้าน จะเอาขวานเข้าไปถากไม่อยากเจ็บ
แต่ผ้าขาดก็ไม่ปรารถนาเย็บ ขี้เกียจเก็บผลัดวางไว้กลางเรือน
อันการเหย้าแล้วไม่เอาเป็นธุระ คิดแต่จะเที่ยวตลบไปคบเพื่อน
คบกันได้แต่นิสัยพวกแชเชือน จะคบคนพลเรือนก็เต็มที
ชั้นจะยืมของใครเขาไม่เชื่อ ด้วยตัวเหลือโป้ปดสบถถี่
ปากก็หวานเหมือนน้ำตาลเพชรบุรี เข้าของมีให้ไปมิได้คืน
แม้นใครไปสมทบเข้าคบค้า จนชั้นผ้าไม่ติดตัวแต่สักผืน
มีแต่ภัยให้ระยำทุกค่ำคืน ใครจะชื่นชมชิดไปคิดคบ
หญิงไม่ดีนั้นก็มีอยู่หลายพวก จำจะบวกบอกใส่เสียให้จบ
ที่คนดีจะได้ดูให้รู้ครบ หล่อนจะได้ไม่คบพวกคนพาล
หญิงพวกหนึ่งนั้นขันทำปั้นเจ๋อ เฝ้าเป้อเย้อหยิ่งเกินกับภูมิฐาน
ไม่เจียมจนเลยว่าตนต่ำสันดาน เห็นที่ท่านเป็นขุนนางอ้างเข้ามา
ล้วนคุณลุงคุณปู่อยู่ทุกแห่ง เที่ยวแอบแฝงพิงพาดวาสนา
พวกผู้ดีไม่นึกตรึกเจรจา เป็นพี่น้องร่วมฟ้านั้นเห็นจริง
ช่างพูดได้ไม่อายแก่ปลายลิ้น เป็นคนสิ้นความคิดผิดผู้หญิง
ถึงพูดไปใครเขาจะเห็นจริง เขาว่าหยิ่งยกยศเหมือนมดตะนอย
ถึงจะอวดอ้างไปที่ไหนนั่น เขารู้ทันอยู่ว่าเช่นเจ้าเป็นหอย
ถ้าสันดานการผู้ดีคงมีรอย ไม่กล่าวถ้อยเขาก็รู้ว่าผู้ดี
อันตัวต่ำแล้วอย่าทำให้เกินศักดิ์ เขาจะมักเหม็นปากเหมือนซากผี
เปรียบเหมือนเกลือเจือปนกับชลธี มันก็มีแต่จะจืดไม่ยืดยาว ฯ
ที่บางคนจนยากไม่อยากทุกข์ ถือว่าสุขอยู่แก่ตาข้าเป็นสาว
อุตส่าห์ทาแป้งขมิ้นให้สิ้นคราว ไม่สร้อยเศร้าสู้ตาประชาชน
ทำไมแก่เงินทองของทั้งหลาย เห็นหาง่ายสารพัดไม่ขัดสน
ถือว่ารูปกูงามไม่คร้ามจน ลงแต่ตนขายกินจนสิ้นดี
สุภาษิตท่านประดิษฐ์ประดับไว้ ว่าผู้ใดงามพักตร์สูงศักดิ์ศรี
ถึงเป็นองค์สุริย์วงศ์พระจักรี แม้นไม่มีสินทรัพย์ก็ลับไป
ทุกวันนี้มีทรัพย์เขานับหน้า อย่าถือว่าตนงามตามวิสัย
ถึงงามพักตร์เขาจะรักเจ้าเพียงไร เขาคาดใจเสียว่าเจ้าขี้เกียจการ ฯ
ที่บางคนเห็นที่ท่านมีทรัพย์ แต่งประดับผิวพรรณในสันฐาน
ประกอบผูกลูกสะกดสร้อยสังวาล แลละลานล้วนสุวรรณอันละออ
เจ้าคนจนมันให้ร่ำจะทำบ้าง เอาเยี่ยงอย่างอยากได้น้ำลายสอ
แต่ตัวจนอ้นอั้นตันใจคอ ลงเที่ยวผลอไพล่เผลเพทุบาย
หาทองแท้แก้ไขมันไม่คล่อง ต้องเอาทองชิงช้าน่าใจหาย
แต่ล้วนเนื้อสิบน้ำทองคำทวาย สายสร้อยสายหนึ่งก็สลึงเฟื้อง
แพงไม่เบาเขายังกล้าอุตส่าห์ซื้อ ผูกข้อมือแลงามอร่ามเหลือง
ถึงจนยากอยากบำรุงให้รุ่งเรือง จนทองเหลือก็ไม่ละจะกละงาม
ก็สาสมกับอารมณ์ไม่เจียมศักดิ์ ทรลักษณ์เหลือตัวชั่วซำสาม
ผู้ดีว่าแล้วขี้ข้าก็พลอยตาม ไม่มีความอายจิตสักนิดเดียว
เขาจึงว่าหน้าสดปรากฎอยู่ สมแก่ผู้ที่ไม่ตรึกนึกเฉลียว
เมื่อน้ำตื้นขืนจะพายไปฝ่ายเดียว ไม่ถึงเลี้ยวก็จะล่มลงจมแปลง
เหมือนหิ่งห้อยน้อยสีหรี่หรุบรู่ จะแข่งสู้สุริยาอันกล้าแข็ง
เห็นไม่ถึงดอกอย่าโกยไปโดยแรง เขาจะแสร้งสรวลว่าเป็นบ้ายศ ฯ
ยังมีพวกหนึ่งนั้นขยันยิ่ง เป็นผู้หญิงสองใจไม่กำหนด
เที่ยวยักย้ายร่ายชมภิรมย์รส ใครมาจดโผจับรับตะกาง
จะรักไหนก็ไม่รักสมัครมั่น เล่นประชันเชิงลองทั้งสองข้าง
ชู้ต่อชู้รู้เรื่องเคืองระคาย ก็ขัดขวางหึงษาจะฆ่าฟัน
เพราะนารีมิได้ตรงจำนงหมาย ทำให้ชายเคืองแค้นแสนกระสัน
เหมือนพวกนางโมราวิลาวัณย์ ยื่นพระขรรค์ผัวให้กับอ้ายโจร
โอ้ใจนางอย่างนี้ก็มีมั่ง จนลือดังกล่าวก้องดังกลองโขน
เพราะนิสัยใจขนิษฐเล่นปลิดโยน จนมาโดนกันกระดากไม่อยากเชย
ต่างคนต่างก็เชือนเหมือนเบือนเบื้อ ต้องเป็นเรือขึ้นคานอยู่เฉยเฉย
อันผัวดีที่จะได้อย่างหมายเลย ด้วยมากเชยหลายชู้เขารู้กล ฯ
บ้างลอบเล่นเพลงยาวเมื่อคราวขัด ฝีปากจัดตอบต่อข้อนุสนธ์
ที่ไม่สู้รู้กลอนยังร้อนรน เที่ยววานคนแต่งให้พ่อได้การ
บ้างก็เล่นปริศนาเที่ยวหาของ ให้ถูกต้องตามอารมณ์ประสมประสาน
ครั้นห่อเสร็จส่งให้กับชายชาญ บอกอาการเรื่องรักประจักษ์ความ
ครั้นคิดคิดปริศนานั้นช้าเนิ่น ชวนกันเดินหลีกออกนอกสนาม
ทำดื้อด้านหาญหักไม่รักงาม จนเลยลามลืมบ้านสถานตน
ชนิดนางอย่างนี้มีชุมนัก เป็นโรครักเกิดมารศีรษะขน
ต้องกินยาเข้าสุราพริกไทยปน หมายประจญให้ดับที่อับอาย
รักสนุกครั้นได้ทุกข์แล้วถอยคิด จะปกปิดเปลวไฟเห็นไม่หาย
เทพเจ้าท่านไม่เข้ากับคนร้าย คงก่อกายขึ้นให้เห็นไว้เป็นตรา
ฯลฯ
ถ้ารู้ถึงพ่อแม่ต้องแก้ไข เอาลูกไปมุ่นหมกยกให้เขา
แล้วหาผัวตัวประจำเป็นสำเนา พอปัดเป่าความอายให้หายแคลง
ฯลฯ
อย่าจับปลาสองหัตถ์จะพลัดพลาด จับให้คาลงให้ขาดว่าเป็นผัว
จึงจะนับว่าคนดีไม่มีมัว ถ้าชายชั่วร้างไปมิใช่ชาย
เป็นผู้หญิงสิ่งใดจะล้ำเลิศ สุดประเสริฐก็แต่ใจไม่เสื่อมสลาย
ถึงรูปทรงนงคราญจะพาลคลาย ก็อาจกลายส่งสวยด้วยใจงาม ฯ
บ้างมีผัวตัวอยู่เป็นคู่ชื่น ยังหาอื่นเข้าประคองเป็นสองสาม
ทำรักซ้อนซ่อนสนิทปิดเนื้อความ จนเลยลามเป็นระฆังดังขึ้นเอง
ครั้นรู้ความถามไถ่ก็ไม่รับ เขาเฆี่ยนขับตีด่าว่าข่มเหง
พลอยประจบกลบความไปตามเพลง เพราะผัวเองจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน
ทำองอาจพลาดพลั้งลงทั้งคู่ เขาจับได้ชายชู้ดูน่าขัน
ไม่แปรดแปร้นแสนสลดดังทศกรรฐ์ ต้องโศกศัลย์เศร้าใจอยู่ในตรวน
เคยที่นอนหมอนหนุนละมุนนิ่ม ไปนอนทิมกรากรำเฝ้ากำสรวล
เล็บก็กัดหมัดก็กินจนสิ้นนวล แลแต่ล้วนลูกความออกหลามไป
ครั้นเห็นชู้คู่ชมภิรมย์รื่น ก็ไม่ชื่นชมชิดพิสมัย
จะพึ่งชู้ชู้ก็เพียบกรอบเกรียมใจ จะพึ่งผัวตัวก็ไม่เมตตาตน
ฯลฯ
มันเสียแล้วถึงจะฝืนไม่คืนศักดิ์ จะลงรักทองปิดไม่คิดหาย
อันความชั่วติดตัวกว่าจะตาย เปรียบเหมือนกายกามีราคีคาว
ถึงบินออกนอกตำบลให้พ้นเขต คงบอกเหตุรู้ว่าใช่กาขาว
ห้ามมันยากปากมนุษย์นี้สุดยาว ไม่แกล้งกล่าวค่อนว่าแก่นารี
ผู้ใดคิดผิดพลั้งเหมือนอย่างว่า ถูกตำราแล้วอย่าโกรธพิโรธพี่
ควรยับยั้งชั่งใจเสียให้ดี ถ้าหลีกลี้เลิกเล่นไม่เป็นไร
ฯลฯ
เป็นสตรีมิใช่ชายเสียดายศักดิ์ จะปลูกรักเรรวนหาควรไม่
อันความดีมีอยู่ดูจำไว้ อย่าพอใจรักชั่วให้มัวมอม
จะมีคู่ก็ให้รู้ปรนนิบัติ จะซื่อสัตย์สุจริตจิตถนอม
อย่าคิดร้ายย้ายแยกทำแปลกปลอม มโนน้อมเสน่หาต่อสามี
อย่าคบชู้สู่สมนิยมหวัง ไม่จิรังกาลดอกบอกโฉมศรี
เขารักหลอกหยอกเล่นดอกเช่นนี้ ถ้าแม้นมีเข้าของต้องบำเรอ
ฯลฯ
แม้นนอกจิตคิดร้ายหมายประจญ จะพาคนยากยับอับประมาณ
จงกันภัยในเล่ห์เสน่หา อย่าให้มาปนประจงประหาร
เอาความสัจตัดตั้งปฏิญาณ ถึงเกิดการยากเข็ญไม่เป็นไร
จึงซื่อต่อภัสดาสวามี จนชีวีศรีสวัสดิ์เจ้าตัดษัต
อย่าให้มีราคินที่กินใจ อุประมัยเหมือนอนงค์องค์สีดา
ถึงที่สุดทดลองก็ทองแท้ ด้วยนางแน่อยู่ในสัจอธิษฐาน์
หญิงเดี๋ยวนี้แม้มีสัตยา ภัสดาก็ยิ่งรักขึ้นหนักครัน ฯ
แม้นเขารักแล้วอย่าดื้อทำถือจิต เร่งเกรงผิดกลัวภัยใหญ่มหันต์
คำนับนอบสามีทุกวี่วัน อย่าดุดันดื้อดึงตะบึงบอน
ยามสิ้นแสงสุริยาอย่าไปไหน จุดใต้ไฟไปส่องในห้องก่อน
ระวังดูปูปัดสลัดที่นอน ทั้งฟูกหมอนอย่าให้มีธุลีลง
ถ้าแม้ว่าภัสดาเข้าไสยาสน์ จงกราบบาททุกครั้งอย่าพลั้งหลง
เขาเมื่อยเหน็บเจ็บปวดในทรวดทรง ช่วยบรรจงนวดฟั้นให้บันเทา
ประพฤติกายสายสมรจะนอนหลับ อย่ากลิ้งกลับมือไม้ไปป่ายเขา
นอนให้ดีมีสติสิริเรา อย่าซบเซาอยู่จนแจ้งแสงพะยับ
จงรีบฟื้นตื่นก่อนภัสดา น้ำล้างหน้าหาไว้ให้พร้อมสรรพ
จึงหุงข้าวต้มแกงแต่งสำรับ จัดประดับเทียบทำให้น้ำนวล
ทั้งกระโถนคนทีขัดสีไว้ ให้ผ่องใสสวยตาดูน่าบ้วน
อีกน้ำท่าอย่าให้ผงลงไปกวน จงใคร่ครวญพิเคราะห์ให้เหมาะการ
แม้นรู้ว่าสามีจะไปไหน แต่ยังไม่ตื่นพรากจากสถาน
ประจงปลุกภัสดาอย่าช้านาน ให้ลุกขึ้นรับประทานโภชนา
จงระวังนั่งดูอยู่ใกล้ ๆ เผื่ออะไรมันขาดจะเรียกหา
ฯลฯ
อยู่จนผัวรับประทานอาหารแล้ว นางน้องแก้วเจ้าจงกินเมื่อภายหลัง
อย่ากินก่อนภัสดาดูน่าชัง เขาจะรังเกียจใจดูไม่ดี ฯ
ถ้าผัวทำราชการพระผ่านเกล้า เคยเข้าเฝ้าสู่วังนะรังศรี
ทั้งล่วมปัดจัดแจงแต่งให้ดี หมากบุหรี่หาใส่ให้ไปกิน
อุตส่าห์ทำบำเรอเสนอสนอง ตามทำนองมิ่งมิตรเป็นนิจสิน
ปรนนิบัติภัสดาอย่าราคิน จึงจะภินโญยศปรากฎไป ฯ
เกิดเป็นหญิงให้เห็นว่าเป็นหญิง อย่าทอดทิ้งกิริยาอัชฌาสัย
เป็นหญิงครึ่งชายครึ่งอย่าพึงใจ ใครเขาไม่สรรเสริญเมินอารมณ์
แม้นผัวเดือดเจ้าจงดับสะงับไว้ อย่าพอใจขึ้นเสียงเถียงประสม
เขาเป็นไฟเราเป็นน้ำคอยพร่ำพรม แม้นระดมขึ้นทั้งคู่จะวู่วาม
อันโทโสโมโหไม่อดได้ ความในใจก็ดังขึ้นกลางสนาม
ที่ชาวบ้านท่านไม่รู้จะรู้ความ อย่าทำตามใจนักมักจะเคย
เอาใจผัวผัวจะรักเจ้าหนักหนา หมั่นนำพาการเรียนอย่าเชือนเฉย
แม้ผัวทุกข์ขุกไข้ไม่สะเบย อย่าวายเวยลามลวนให้กวนใจ
จงแย้มสรวลชวนปลอบให้ชอบชื่น เห็นเริงรื่นหัทยาจึงปราศรัย
ค่อยถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงฤทัย แม้นสิ่งไรเขาไม่ชื่นอย่าขืนทำ
จะพูดจาสารพัดประหยัดปาก อย่าพูดมากเติมต่อซึ่งข้อขำ
ความสิ่งไรในจิตจงปิดงำ อย่าควรนำแนะออกไปนอกเรือน
การสิ่งไรที่ชั่วผัวเขาห้าม ประพฤติตามแบบแผนให้แม้นเหมือน
ฯลฯ
อย่าดึงดื้อถือตนเป็นคนเชือน จะเอ่ยเอื้อนโอภาให้น่าฟัง ฯ
แม้นพิโรธโกรธขึ้งกับภัสดา อย่านินทาว่าผัวตัวลับหลัง
พึงข่มขืนกลืนไว้ในอุรัง อุตส่าห์บังกลบเกลื่อนที่เงื่อนเงา
จึงจะว่านารีมีความคิด รู้ปกปิดมิดโทษไม่โฉดเขลา
ถึงใครรู้อยู่ว่าคมต้องชมเรา หนึ่งผัวเล่าเขาก็เห็นว่าเป็นดี
การนินทาด่าผัวนี้ชั่วถ่อย เป็นคนน้อยปัญญาเสียราศี
ถึงร้างหย่าหาใหม่วิสัยมี ชายที่ดีรู้กำพืดก็จืดไป
บ้างทำกลัวตัวสั่นแต่ต่อหน้า ถึงตีด่าก็สู้นิ่งไม่ติงไหว
ครั้นผัวเดินเกินเลยเฉยเฉียดไป ก็ด่าให้ไม่ดังตั้งกระซิบ
ทำเสงี่ยมเจียมตัวผัวไม่เห็น ดูเหมือนเช่นปากว่าตาขยิบ
ครั้นว่าเขาเข้าใจรู้ไหวพริบ ก็ต้องริบตัวร้างระคางแคง
บางนารีที่เป็นนางใจร้ายกาจ หมิ่นประมาททุ่มเกียวส่งเสียงแข็ง
สำรากก้องร้องแรกแหกกระแซง ตะคอกแกล้งข่มขี่ให้ผัวกลัว
ฯลฯ
สุภาษิตซึ่งประดิษฐ์มาไว้นี้ ล้วนแต่มีเยี่ยงอย่างดังเสกสรร
ใช่จะแกล้งแต่งคำมารำพัน คนทุกวันมักอย่างนี้มีอาเกียรณ์
จะร่ำไปสักเท่าไรก็ไม่หมด ขี้เกียจจดเหน็ดเหนื่อยเมื่อยมือเขียน
อุตส่าห์ตรองตริตรึกนักจำเนียง ตั้งความเพียรผูกข้อต่อเรื่องราว
พอเป็นเรื่องสำหรับดับทุกข์โทษ เป็นประโยขน์แก่สตรีที่สวยสาว
เป็นตำรับแบบฉบับไว้ยืดยาว ในเรื่องราวสุภาษิตลิขิตความ
ข้อไหนชั่วแล้วอย่ามัวไปขืนทำ จงจดจำบุญบาปอย่าหยาบหยาม
เก็บประกอบเอาแต่ชอบในเรื่องความ ประพฤติตามห้ามใจเสียให้ดี
อย่าฟังเปล่าเอาแต่กลอนสุนทรเพราะ จงพิเคราะห์คำเลิศประเสริฐศรี
ไว้เป็นแบบสอนตนพ้นราคี กันบัดสีคำค่อนคนนินทา
ให้สุขีศรีเมืองเลื่องลือฟุ้ง หอมจรุงกลิ่นกลั้วทั่วทิศา
เป็นที่ชื่นเช่นอย่างนางสีดา ในใต้หล้าหมายประคองตัวน้องเอย ฯ