ขอนิพนธ์พจนาปกาสิต | พอเตือนจิตพวกเราชาวสยาม |
เพื่อบังเกิดโกศลพ้นความทราม | เหมือนครูตามคอยเตือนอาตมา |
ถ้าเกลียดชั่วกลัวยากอยากดีงาม | อย่าปล่อยตามโทสะจริตคิดอิจฉา |
อย่าเชื่อดายตายเปล่ากล่าวนินทา | อย่ามุสาเสียดส่อยกยอตน |
อย่าปากบอนค่อนแค่นข่มขี่เขา | อย่าหาญห้าวอึงอ้างกลางถนน |
อย่าหลงลิ้นลมล่อทรชน | อย่าซุกซนเสพสู่สำนักพาล |
อย่าสูบฝิ่นกินกัญชาสุราอุ | อย่าเดือดดุด่าตีราวีท่าน |
อย่าหลงเล่ห์เลยเพลินเมินการงาน | อย่าฮึกหาญเหิมว่าญาติชาติตระกูล |
อย่าลักฉ้อตอแหลแชเข้าบ่อน | อย่าสุกก่อนห่ามหาพากันวุ่น |
อย่าขืนแข่งเคียงคู่ผู้มีบุญ | อย่าหลู่คุณท่านที่มีคุณมา |
อย่าดื้อเสือกเดาสวดอวดรู้เห็น | อย่าชั่วเช่นเชื่อผิดชาติมิจฉา |
อย่ากลัวนักมักถอยน้อยศักดา | อย่ากล้านักมักพาชีวาปลง |
อย่าสวยนักมักหมองต้องคำฉิน | อย่าเหงานักมักสิ้นสติหลง |
อย่าชะล่านักมักยับทับทุกข์ลง | อย่าสุกนักมักคงจะแกนงอม |
อย่าเริงนักลางจะแตกแหลกสลาย | อย่าทุกข์นักมักกายจะเผือดผอม |
อย่าเศร้านักมักตรมอารมณ์ตรอม | อย่ามั่วนักมักมอมด้วยความเมา |
อย่าซื่อนักมักเสียด้วยคนคด | อย่าเซ่อนักมักหมดเกลี้ยงกระเป๋า |
อย่ารักนักมักขวิดผิดไม่เบา | อย่าโกงเขาเขาคงแค้นแทนทำลาย |
อย่าพลอดพล่อยทุกข์ทนคำรณฤทธิ์ | จะต้องผิดเพราะปากยากฉิบหาย |
อย่าโง่งอนสอนลำบากยากจนตาย | ต้องพากายอดโซเพราะโง่งม |
อย่าหุนหันหวนฮึกค่อยตรึกตรา | อย่าแล่นนักมักถลาไถลล้ม |
อย่าพกนุ่นหมุนลิ่วปลิวตามลม | จะต้องจมทับภัยเพราะใจเบา |
จงเร่งเพียรเรียนช่วยประกอบทรัพย์ | ไว้สำหรับกายาอย่าขาดเหย้า |
ด้วยคืนวันนั้นหนอไม่รอเรา | จนแล้วเจ้าใครจะนับกลับนินทา |
ถ้ารักดีหนีตนให้พ้นชั่ว | ถ้ารักตัวเร่งห่างทางมิจฉา |
ถ้าจะดีดีไว้ในอุรา | มิควรออกนอกหน้าให้คนยล |
ถ้าจะกลัวกลัวผิดคิดละล้าง | ถ้าจะกล้ากล้าสร้างทางกุศล |
ถ้าจะสู้สู้ชนะจึงประจญ | ถ้าจะหนีหนีให้พ้นหมู่คนพาล |
ถ้าจะตรงคงซื่อสัตย์สุจริต | ถ้าจะคดคดคิดเมื่อเขาผลาญ |
ถ้าเขาโกงโกงแก้ไปตามการ | ถ้าจะรักรักท่านที่เมตตา |
ถ้าจะบังบังให้ลับจับให้มั่น | ถ้าจะคั้นคั้นให้ตายวายสังขาร์ |
ถ้าจะแก้แก้ให้ใสหายสงกา | ถ้าจะหมายหมายตาให้แน่นอน |
ถ้าจะรู้รู้สิ่งใดรู้ให้จริง | อย่าทำโง่แกมหยิ่งนิ่งฟังสอน |
จะเกิดศรีปรีชาสถาพร | ถึงจะจรจากสถานท่านคงชู |
ถ้าจะคมคมซ่อนใส่ฝักฝัง | ถ้าจะเชื่อเชื่อฟังไว้สองหู |
ถ้าจะดูดูให้เห็นคงเป็นครู | ถ้าจะซื่อซื่อสู้สนองคุณ |
ถ้าเป็นงูงูเห่าตลอดหาง | อย่าเยี่ยงอย่างงูปลาพาสถุล |
ถ้าจะสุกสุกให้งามตามตระกูล | ถ้าดิบบ้างข้างจะขุ่นระคายอาย |
ถ้าเกลียดคูถคูถตามเกลียดความปะ | ถ้ามักความความปะทะถึงฉิบหาย |
ถ้ามักไข้ไข้หนักขี้มักตาย | เป็นชาติชายหมิ่นชายจะอายคน |
ถ้าคบมิตรเร่งคิดรู้ระยะ | ฉวยไปปะชาติอัปรีย์ไม่มีผล |
ถ้าจะคบคบค้าสาธุชน | จึงจะพ้นพาลาเพราะหารือ |
ถ้าจะตรึกข้อแค้นแม้นความขำ | ไว้ในจิตคิดอำอย่าให้อื้อ |
แต่คำขานหวานกับคนบันลือ | จึงขึ้นชื่อชมชี้ว่าปรีชา |
หนึ่งอย่าไว้ใจทางวางใจคน | จะต้องจนใจเราคราวหนึ่งหนา |
คนทุกวันมันไม่คิดอนิจจา | หวังแต่ได้ไม่เมตตาเลยจริงจริง |
อนึ่งน้ำล้ำเหลือทะเลลึก | พอจะนึกหยั่งได้ด้วยสายดิ่ง |
แต่น้ำใจมนุษย์สุดอ้างอิง | ยิ่งลึกยิ่งเหลือหยั่งอยู่ข้างใน |
หนึ่งวิถีที่ค้อมร้อยอ้อมคด | ก็พอจดจำหมายหายสงสัย |
แต่จิตคดหมดคิดคะเนใจ | บ่ห่อนให้เราเห็นเช่นหนทาง |
อนึ่งมิตรชิดชอบเมื่อยามสุข | สรวลสนุกสอพลอเต็มหอห้าง |
แต่เมื่อเข็ญยามคับจวนอับปาง | ถึงจะมีที่จะห่างนัยนา |
อนึ่งเช่นคนชังหวังจับโทษ | คะเนถึงกึ่งโกฏิก็เกือบกว่า |
แต่คนรักภักดีมีเมตตา | ถึงจะมีที่จะหาก็ยากครัน |
หนึ่งลมแดงหรือจะแรงเท่าลมปาก | เชื่อคำยากอย่านิยมว่าคมสัน |
แต่ผีหลอกช่างผีตามทีมัน | คนเหมือนกันหลอกกันเองน่าเกรงนัก |
หนึ่งเหล่าพาลสันดานสู่ทางหยาบ | ประพฤติบาปชั่วร้ายใจผลันผลุน |
จะคบไหนเลือกให้ได้ทางบุญ | จะช่วยจุนตนไซร้ให้สบาย |
หนึ่งประกอบการใดตรองให้ทั่ว | เสมอตัวกลัวผิดจึงคิดหนี |
เสมอหรือหนึ่งโสดประโยชน์มี | ก็ควรที่ทำเกิดเถิดลาภา |
อนึ่งหอมจุลจันทน์คันธรส | ย่อมปรากฏอยู่เมื่อยังติดมังสา |
อันความดีมีกลิ่นอันโอชา | หอมตลอดโลกาตลบกาย |
อนึ่งเปื้อนกลิ่นเหม็นเช่นมูตรคูถ | ถ้าล้างขูดเช็ดถูสิ้นแล้วกลิ่นหาย |
ถ้าเหม็นชั่วติดตัวจนวันตาย | ชีวาวายเลยตกนรกจม |
หนึ่งปลาร้าคาหุ้มชุ่มกลิ่นฉุน | อบอากูลเกวะละแทรกสะสม |
ดุจดังชนยลผิดคิดนิยม | จำเป็นจมทุกข์รุมเพิ่มสุมกาย |
หนึ่งใบพล้อห่อหุ้มกฤษณา | เสน่หาหวลหอมบ่ห่อนหาย |
ดังเช่นผู้สู่สถิตบัณฑิตชาย | เสวยสุขสืบสายสิ้นกาลนาน |
ผลมะเดื่อเมื่อห่ามอร่ามศรี | ภายในมีหมู่หนอนบ่อนเบียนผลาญ |
ดุจเช่นคนทรชนคนจัณฑาล | พิรุธพาลพิษร้ายอยู่ภายใน |
หนึ่งยางขาวขนควรชวนชื่นชี้ | สะอาดดีดูงามตามนิสัย |
แต่กินปลาฆ่ากันทุกวันไป | ดูดุจใจเช่นมันหมู่มารยา |
หนึ่งนกแร้งร่างกายร้ายรุงรัง | เลี้ยงชีวังมิได้เป็นเช่นมิจฉา |
เสมอเหมือนเมธีผู้ปรีชา | ท่านศรัทธาสู่ธรรมควรดำเนิน |
อนึ่งขนุนหนามหนาน่าสยด | ภายรสโอชะควรระเสริญ |
แท้ที่ท่านกลั่นสร้างทางเจริญ | พลอดก็เพลินแต่ไม่พลั้งทั้งจริงดี |
หนึ่งอินจันกลิ่นหวลชวนฉันทะ | แต่รสะร้ายกาจเผื่อนฝาดจี๋ |
ดังเช่นชนชั่วช้าชาติกาลี | กายวจีหวานจริตใจผิดคน |
อนึ่งกบเกิดในใต้กอบัว | ไม่เกลือกกลั้วเกสรแต่สักหน |
เหล่าเรณูอยู่ห่างต่างตำบล | เสพจงกลเกสรขจรขจาย |
หนึ่งน้ำค้างขังในใบบัวบาน | สุริย์ฉานส่องแสงแห้งเหือดหาย |
ประสาทพรสอนพาลป่วยการกาย | พยัคฆ์ร้ายฤาจะลาพนาดร |
หนึ่งประสบพาลาวิสาสะ | ด้วยธรรมะสวนังนำสั่งสอน |
เหมือนมณีมีค่าให้วานร | มิทันจรก็กระจายทำลายคุณ |
หนึ่งสำเนียงเครื่องสังเกตเพศภาษา | กิริยาบอกอุบาทชาติสถุล |
ส่อให้เห็นเช่นวงศ์พงศ์ประยูร | เชื้อสกุลผู้ดีมีศักดา |
ชนิดมิตรมีสองเราต้องรู้ | หนึ่งคือผู้ทรชนคนมิจฉา |
หนึ่งนักปราชญ์ราชกวีมีปัญญา | ทราบวิสัยจึงวิสาสมาคม |
อนึ่งประสบคบหาปาปะมิตร | จะร้อนจิตจากประโยชน์โทษรุมถม |
สาวากะเวไนยใคร่นิยม | จะอุดมเพราะได้สดับดี |
หนึ่งคบกาพาเตี้ยเสียประยูร | พลอยสกุลหงส์เสื่อมรัศมี |
เสวนะอกุศลคนอัปรีย์ | สูญทั้งศีลสิ้นทั้งศรีเสื่อมทั้งศักดิ์ |
อันบรรดายาขมข่มขืนจิต | แต่ประสิทธิ์ล้างโศกโรคร้ายหมด |
ดุจดังกับสาสนะพระสุคต | ได้ดื่มรสดับร้อนราคะดี |
หนึ่งรู้น้อยนึกว่าข้าประเสริฐ | กลกำเนิดมัณฑกะในสระศรี |
ห่อนประสบสมุทรไทยใหญ่ยาวรี | นึกว่าน้ำหนองมีเหลือประมาณ |
หนึ่งรักกันถึงจะร้างไปต่างแดน | เสมอแม้นร่วมหมู่อยู่กับบ้าน |
ถ้าชังกันถึงหอเคียงต่อชาน | เหมือนสถานต่างสุธาขอบฟ้าบัง |
หนึ่งรูปร้ายใฝ่ฝันกลั่นเกลาทรง | ขี้ขลาดคงอวดกล้าวิชาขลัง |
ทรชนคนโฉดโอดอึงดัง | ประสาทสอนสั่งกวีไม่มีอาย |
ชาติมิจฉาพาลำอย่าทำคุณ | อย่าหยิบทุนทรัพย์ยื่นหย่อนขยาย |
พออ้วนพีมีพิษคิดอุบาย | ล่อทำลายคุณล้างอย่าวางใจ |
อนึ่งพาลอย่าเสพสนิทชิด | มิใช่มิตรอย่ามักร่วมรักใคร่ |
เมื่อถลำพล้ำถลาเวลาใด | มันสาวไส้ส่อซ้ำในท่ามกลาง |
หนึ่งพิษงูอยู่เขี้ยวควรสยอง | แมลงป่องพิษมีที่ปลายหาง |
ทุจริตมีพิษทั่วสรรพางค์ | ใครหลงลิ้นล่อล้างด้วยลมพาล |
หนึ่งนาคีมีเดชานักหนานัก | สงวนศักดิ์สู้เสงี่ยมเจียมสังขาร |
แมลงป่องพิษน้อยถ่อยจัณฑาล | โอหังหาญชูหางอ้างศักดา |
หนึ่งกายเกิดโรคร้อนพอผ่อนถ่าย | พยศร้ายเหลือรู้ผู้รักษา |
พยัคฆ์หายลายหมดไม่ปะตา | กาก็กาคงกาบ่ห่อนกลาย |
หนึ่งโทษตัวชั่วเช่นเป็นมหันต์ | ก็ป้องกันปิดชิดสนิทหาย |
สรรพผิดติดเขาเท่าเม็ดทราย | กล่าวกระจายแกล้งประจานพาลนินทา |
หนึ่งคนรักมักแกล้งแสดงผล | เกิดกังวลสิ่งใดได้ปรึกษา |
ถ้าคนชังหวังร้ายป้ายปะทา | คิดพยาบาทกันทุกวันไป |
อนึ่งท่านที่ดีบริสุทธิ์ | ในมนุษย์พอคำนวณนับถ้วนได้ |
เชื้อทมิฬหินชนคนจัญไร | ประมาณไม่รู้หมดเหลือจดจำ |
อนึ่งเล่าเหล่าพวกทรพิษ | หลายชนิดหนักหนาอย่าถลำ |
จะชี้แจงแจ้งจิตอุตส่าห์จำ | พิกัดกำหนดไว้อย่าใกล้กลาย |
หนึ่งวาจาปราศัยใสใจเชือดคอ | มันจ้องจ่อจะพิฆาตไม่ขาดสาย |
ข้างหัวหวานก้นเปรี้ยวเลี้ยวทำลาย | กัดถลายเมื่อถลำซ้ำประจาน |
หนึ่งหน้าซื่อสุจริตแต่จิตคด | ดุจกรดยิ่งกริชคิดสังหาร |
ทั้งหน้าเนื้อใจเสือเหลือประมาณ | ใครหลงลมจมดานกระทั่งดิน |
หนึ่งต่อหน้าเคารพนบสุดศอก | ภายหลังหลอกลวงขายฉิบหายสิ้น |
ทั้งหวานนอกขมในใจทมิฬ | ใครหลงลิ้นล้วงตับเหมือนตุ๊กแก |
อนึ่งเหล่าเจ้าชู้เกี้ยวผู้หญิง | เป้อเย่อหยิ่งยักคอประจ๋อประแจ๋ |
แต่กิจบ้านการผลตนไม่แล | หน่อยก็แชเช่นพาลสันดานโกง |
อนึ่งตนจนจริงยิ่งใจหาย | สกลกายเป็นกาหน้าเป็นหงส์ |
พิศนอกนวลแลใสในเป็นโพรง | หยิ่งโป้งโล้งยกยศไม่ลดใคร |
หนึ่งบางเหล่าเข้าบ่อนนอนสูบฝิ่น | ติดปี้ขาหากินตามนิสัย |
แค่นเข้าขอฉ้อฉวยไม่ขวยใจ | แต่พอได้เป่าปี่ที่ตะเกียง |
หนึ่งบางเหล่าเมาสุราหาวิวาท | อวดฉลาดเชื้อถากสำรากเสียง |
ทะเลาะเหล่าชาวร้านบ้านใกล้เคียง | เช่นนี้แท้เที่ยงไพร่ใจเป็นพาล |
อนึ่งเห็นเป็นชอบลอบปล้นลัก | ดังเสี้ยนปักธรนินทุกถิ่นฐาน |
ท่านจับได้ให้พันธนาการ | จับประจานจำขังทั้งเจ็บอาย |
หนึ่งบางเหล่าเลี้ยงชีวิตทางมิจฉา | พิฆาตฆ่าชีพเขาเอาเนื้อขาย |
ชั่วไม่คิดอนิจจาหน้าไม่อาย | จะไม่ตายแล้วหรือหนอก่อแต่กรรม |
อนึ่งแม้นเขมรขาวและลาวใหญ่ | ทั้งคนไทยเตี้ยเล็กเจ๊กดำขำ |
มิควรคบมักคดไม่คงคำ | เจ้าสี่จำพวกนี้ไม่มีตรง |
หนึ่งยุคนขุนเขาเหล่าโยธา | จะล้างเตียนเลี่ยนตาตามประสงค์ |
แต่กาลีเหลือที่จะล้างลง | เอาทรัพย์ส่งสักเท่าไรไม่หายพาล |
หนึ่งขุนเขายาวใหญ่ยิ่งร้อยแสน | ไม่หนักแน่นภูวดลเท่าขนห่าน |
หนักยิ่งแท้แต่ฉกรรจ์ชาติสันดาน | จะทนทานได้แต่ไฟประลัยเอย |